จับเพิ่มอีก 6 กลุ่มบุคคลลักลอบหลบหนีเข้าไทย
ผ่านช่องทางธรรมชาติ
กองกำลังนเรศวร โดย ฉก.ร.4 ทำการลาดตะเวนเฝ้าตรวจ ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณริมแม่น้ำเมย บ.วังตะเคียน ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ตรวจพบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา นั่งเรือยนต์จากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนขอตรวจสอบ โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวเมื่อสังเกตเห็น เจ้าหน้าที่จึงได้กระโดดลงจากเรือ และว่ายน้ำหลบหนีข้ามไปยังฝั่งประเทศเมียนมา จากการตรวจสอบบนเรือพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เป็นหญิง จำนวน 2 คนทราบชื่อคือ น.ส. วาฮีดา (ไม่มีนามสกุล) อายุ 15 ปี และ ด.ญ. นาเดีย
(ไม่มีนามสกุล) อายุ 12 ปี เป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา จากการตรวจสอบไม่พบเอกสารหลักฐานในการเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักร หน่วยจึงได้ควบคุมตัวบุคคลดังกล่าว และตรวจยึดเรือยนต์ จำนวน 1 ลำ
ส่งให้กับ ตม.จว.ตาก เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
และในวันเดียวกัน ยังตรวจพบชาวไทย จำนวน 4 คน ลักลอบนั่งเรือยนต์ข้ามแม่น้ำเมยจากฝั่งประเทศเมียนมา เข้ามายังฝั่งประทศไทย และได้หลบหนีด้วยรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแอลพาส สีดำ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน จนท.จึงได้ทำการติดตามรถยนต์คันดังกล่าว จนมาถึงบริเวณลานจอดรถท่าข้ามที่ 11 บ.ท่าอาจ ม.3 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยพบกลุ่มบุคคลชาวไทย ลักษณะท่าทางมีพิรุธ เมื่อคนขับรถยนต์สังเกตเห็น จนท. จึงได้ขับหลบหนีไป
จากการสอบถามบุคคลทั้งหมดให้การว่า ได้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจริง จึงได้ควบคุมตัว ส่งให้กับ จนท.ตร.สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับบุคคลที่ทำการจับกุมทั้งหมด ได้ดำเนินการส่งตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ รพ.แม่สอด ตามมาตรการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว และชาวไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวที่จะลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
